เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ปารายนวรรค] 5. มาณวปัญหานิทเทส 1. อชิตมาณวปัญหานิทเทส
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงใช้สอยเสนาสนะ ที่เป็นป่าละเมาะและป่าทึบ
อันสงัด มีเสียงน้อย มีเสียงอึกทึกน้อย ปราศจากการสัญจรไปมาของผู้คน ควร
เป็นสถานที่ทำการลับของมนุษย์ สมควรเป็นที่หลีกเร้น จึงชื่อว่าพระผู้มีพระภาค
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงมีส่วนแห่งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร จึงชื่อว่าพระผู้มีพระภาค
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้มีส่วนแห่งอรรถรส1 ธรรมรส2 วิมุตติรส3
อธิสีล อธิจิต อธิปัญญา จึงชื่อว่าพระผู้มีพระภาค
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้มีส่วนแห่งฌาน 4 อัปปมัญญา 4
อรูปสมาบัติ 4 จึงชื่อว่าพระผู้มีพระภาค
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้มีส่วนแห่งวิโมกข์ 8 อภิภายตนะ4 8
อนุปุพพวิหารสมาบัติ 9 จึงชื่อว่าพระผู้มีพระภาค
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้มีส่วนแห่งสัญญาภาวนา 10 กสิณ-
สมาบัติ5 10 อานาปานัสสติสมาธิ6 อสุภสมาบัติ7 จึงชื่อว่าพระผู้มีพระภาค
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้มีส่วนแห่งสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4
อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 จึงชื่อว่า
พระผู้มีพระภาค

เชิงอรรถ :
1 อรรถรส หมายถึงความถึงพร้อมแห่งผลของเหตุ (ขุ.ม.อ. 50/266)
2 ธรรมรส หมายถึงความถึงพร้อมแห่งเหตุ (ขุ.ม.อ. 50/266)
3 วิมุตติรส หมายถึงความถึงพร้อมแห่งผล (ขุ.ม.อ. 50/266)
4 อภิภายนตะ คือ ฌานที่ครอบงำนิวรณธรรมและอารมณ์ที่เล็กหรือใหญ่ได้ (ม.ม. 13/249/224)
5 กสิณสมาบัติหมายถึงภาวะสงบประณีตซึ่งพึงเข้าถึงด้วยการกำหนดวัตถุสำหรับเพ่งเพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ
ได้แก่ ฌาน 10 มีปฐวีกสิณฌาน เป็นต้น (ขุ.ม.อ. 50/266)
6 อานาปานัสสติสมาธิ ได้แก่สมาธิเกี่ยวเนื่องด้วยการตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้าออก (ขุ.ม.อ. 50/266)
7 อสุภสมาบัติ หมายถึงภาวะสงบประณีตซึ่งพึงเข้าถึงด้วยการพิจารณาร่างกายของตนและผู้อื่นให้เห็นสภาพ
ที่ไม่งาม หมายถึงซากศพในสภาพต่าง ๆ 10 อย่าง คือ (1) ซากศพที่เน่าพอง (2) ซากศพที่มีสีเขียว
(3) ซากศพที่มีน้ำเหลืองไหล (4) ซากศพที่ขาดกลางตัว (5) ซากศพที่สัตว์กัดกินแล้ว (6) ซากศพ
ที่มีมือเท้าศีรษะขาด (7) ซากศพที่ถูกสับ ฟัน เป็นท่อน ๆ (8) ซากศพที่มีโลหิตไหลอยู่ (9) ซาก
ศพที่มีตัวหนอนคลาคล่ำไปอยู่ (10) ซากศพที่ยังเหลืออยู่แต่ร่างกระดูก (วิสุทฺธิ. 1/102/194)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 30 หน้า :47 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ปารายนวรรค] 5. มาณวปัญหานิทเทส 1. อชิตมาณวปัญหานิทเทส
อีกนัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้มีส่วนแห่งตถาคตพลญาณ1 10
เวสารัชชญาณ2 4 ปฏิสัมภิทา3 4 อภิญญา4 6 พุทธธรรม5 6 จึงชื่อว่า
พระผู้มีพระภาค
พระนามว่า พระผู้มีพระภาค นี้ มิใช่พระชนนีทรงตั้ง มิใช่พระชนกทรงตั้ง
มิใช่พระภาดาทรงตั้ง มิใช่พระภคินีทรงตั้ง มิใช่มิตรและอำมาตย์ตั้ง มิใช่พระญาติ
และผู้ร่วมสายโลหิตทรงตั้ง มิใช่สมณพราหมณ์ตั้ง มิใช่เทวดาตั้ง
คำว่า พระผู้มีพระภาค นี้ เป็นวิโมกขันติกนาม (พระนามในลำดับการ
บรรลุอรหัตตผล) เป็นสัจฉิกาบัญญัตติ (บัญญัติที่เกิดเพราะทรงรู้แจ้งอรหัตตผล)
ของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย พร้อมกับการบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ที่
โคนต้นโพธิ์ รวมความว่า พระผู้มีพระภาค ตรัสตอบว่า อชิตะ

เชิงอรรถ :
1 ตถาคตพลญาณ หมายถึงพระญาณอันเป็นกำลังของพระตถาคต 10 ประการ ที่ทำให้พระองค์บันลือ
สีหนาท ประกาศพระศาสนาได้มั่นคง คือ (1) ฐานาฐานญาณ ปรีชาหยั่งรู้กฎธรรมชาติเกี่ยวกับ
ขอบเขตและขีดขั้นของสิ่งทั้งหลาย (2) กัมมวิปากญาณ ปรีชาหยั่งรู้ผลของกรรม (3) สัพพัตถ-
คามินีปฏิปทาญาณ ปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่คติทั้งปวง หรือสู่ประโยชน์ทั้งปวง (4) นานาธาตุ-
ญาณ ปรีชาหยั่งรู้สภาวะของโลกอันประกอบด้วยธาตุต่าง ๆ เป็นอเนก (5) นานาธิมุตติกญาณ
ปรีชาหยั่งรู้อัธยาศัยเป็นต้นของสัตว์ทั้งหลาย (6) อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชาหยั่งรู้ความยิ่งหย่อน
แห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย (7) ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชาหยั่งรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว
เป็นต้น (8) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ปรีชาหยั่งรู้ภพที่เคยอยู่ในหนหลังได้ (9) จุตูปปาตญาณ
ปรีชาหยั่งรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย (10) อาสวักขยญาณ ปรีชาหยั่งรู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
(องฺ.ทสก. (แปล) 24/21/43-47)
2 เวสารัชชญาณ 4 คือพระญาณอันเป็นเหตุให้ทรงแกล้วกล้า ไม่ครั่นคร้าม ได้แก่ (1) สัมมาสัมพุทธ
ปฏิญญา (2) ขีณาสวปฏิญญา (3) อันตรายิกธัมมวาทะ (4) นิยยานิกธัมมเทสนา (ม.มู. 12/150/
110-111)
3 ปฏิสัมภิทา 4 หมายถึงปัญญาแตกฉาน 4 อย่าง คือ (1) อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ
ปรีชาแจ้งในความหมาย (2) ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม ปรีชาแจ้งในหลัก (3) นิรุตติ-
ปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุตติ ปรีชาแจ้งในภาษา ศัพท์ ถ้อยคำบัญญัติ (4) ปฏิภาณปฏิสัมภิทา
ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ ปรีชาแจ้งในความคิดทันการ มีไหวพริบ(องฺ.จตุกฺก.(แปล) 21/172
/242-243)
4 อภิญญา 6 คือ ความรู้ยิ่งยวด (1) อิทธิวิธิ ความรู้ทำให้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้ (2) ทิพพโสต
ญาณที่ทำให้มีหูทิพย์ (3) เจโตปริยญาณ ญาณที่ทำให้กำหนดใจคนอื่นได้ (4) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้ (5) ทิพพจักขุ ญาณที่ทำให้ตาทิพย์ (6) อาสวักขยญาณ ญาณที่ทำให้
อาสวะสิ้นไป 5 ข้อแรกเป็นโลกียะ (โลกียอภิญญา) ข้อสุดท้ายเป็นโลกุตตระ (ที.สี. (แปล) 9/234-248/
77-84)
5 พุทธธรรม 6 หมายถึงพระปัญญาจักขุของพระพุทธเจ้า ที่ทรงทราบกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ทั้งหมด เป็นต้น (ขุ.ม.อ. 50/266) และดูรายละเอียดข้อ 85/301-303)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 30 หน้า :48 }